เดอะ คอฟฟี่ คลับ เติบโตต่อเนื่อง งัด 3 กลยุทธ์ มัดใจผู้บริโภค

เดอะ คอฟฟี่ คลับ

ตลอดปี 2565 ‘เดอะ คอฟฟี่ คลับ’ เติบโตต่อเนื่อง งัด 3 กลยุทธ์ มัดใจผู้บริโภค ทั้งคนไทย-ต่างชาติ

เดอะ คอฟฟี่ คลับ (The Coffee Club) เผยว่า การดำเนินธุรกิจตลอด 3 ไตรมาสปี 2565 เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็นร้านกาแฟแบบออลเดย์ไดนิ่งสัญชาติออสเตรเลีย ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘โมเมนต์ดีๆ ที่มีได้ทุกวัน’ และขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่มคนไทยและต่างชาติมากขึ้น โดยที่จะเน้นลูกค้าคนไทยเป็นหลัก ผ่านกลยุทธ์ของทางแบรนด์

นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ เผยว่า “ภาพรวมการดำเนินงานตลอด 3 ไตรมาสปี 2565 เดอะ คอฟฟี่ คลับ ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยการมุ่งเน้นสะท้อนจุดแข็งของการให้บริการรูปแบบ ‘ร้านกาแฟออลเดย์ไดนิ่ง’ ด้วยการปรับเปลี่ยน ต่อยอดเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ให้มีความหลากหลายกว่า 100 เมนู พร้อมการให้บริการที่เป็นไปตามมาตรฐาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ด้วยราคาที่เหมาะสมและเข้าถึงได้ ควบคู่ไปกับการเปิดสาขามากขึ้น และขยายโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่

เดอะ คอฟฟี่ คลับ

ปัจจุบัน เดอะ คอฟฟี่ คลับ มีทั้งหมด 35 สาขาทั่วประเทศ จากในปี 2564 ที่สามารถเปิดได้ไม่ถึง 30 สาขา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565 ทางแบรนด์มองว่ายังมีโอกาสขยายการเติบโตได้อีกมาก ด้วยสถานการณ์และมาตรการเปิดประเทศที่เต็มรูปแบบ ทำให้ทางแบรนด์ได้วาง 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย

1. Winning in Coffee & Breakfast Credentials (ความเป็นที่สุดด้านกาแฟและอาหารเช้า) – กว่า 30 ปีที่ผ่านมา เดอะ คอฟฟี่ คลับ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ด้วยกาแฟที่มีคุณภาพและการันตีด้วยรางวัล ‘Golden Bean Award’ จากออสเตรเลีย 3 ปีซ้อน โดยกาแฟทุกแก้วของเดอะ คอฟฟี่ คลับ ใช้เมล็ดพันธุ์กาแฟระดับพรีเมียม รวมถึงส่วนผสม ตลอดจนการให้บริการตามมาตรฐานออสเตรเลีย

โดยในปลายปีนี้ ทางแบรนด์มีแผนเปิดตัวเมนูกาแฟฟรุตตี้ใหม่ 2 เมนู ได้แก่ กาแฟมะพร้าว (Espresso Coconut) และกาแฟส้มจี๊ด (Espresso Soomjeed) ให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติใหม่ที่อร่อยอย่างลงตัวและไม่เหมือนใคร และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม กาแฟดริป (Drip Coffee) เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้า

นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์คือเมนูออลเดย์เบรกฟาสต์ทั้งสไตล์ไทยและฝรั่ง สำหรับผู้บริโภคที่ชอบอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ โดยในปัจจุบัน เดอะ คอฟฟี่ คลับ ได้ปรับเมนูที่เน้นอาหารเช้าเป็นหลัก เพื่อที่จะย้ำถึงคอนเซปท์ ‘ออลเดย์เบรกฟาสต์’ ด้วย และปรับเมล็ดกาแฟตามาตรฐานคุณภาพ

2. Winning in Experience (การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า) – มีการนำเสนอเมนูอาหารและเครื่องดื่มใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการทยอยปรับดีไซน์ร้านและโลโก้ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความทันสมัยมากขึ้น

พร้อมการเปิดสาขาเพิ่มตามแหล่งท่องเที่ยวหลัก คู่ไปกับการขยายธุรกิจในรูปแบบ Grab & Go ที่มีขนาด 30-40 ตารางเมตร ที่จะมาในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่มีความเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบฉบับ Australian Café สำหรับเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวกสบาย ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนไทยมากขึ้นด้วย

โดยทางแบรนด์เตรียมเปิดตัวร้านรูปแบบ Grab & Go ที่แรก ณ ศูนย์การค้าจังซีลอน จังหวัดภูเก็ต และจะทยอยเปิดเพิ่มต่อเนื่อง ทำให้ภายในปี 2565 เดอะ คอฟฟี่ คลับ ตั้งเป้ามีสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 39 สาขา

3. Winning in VIP Member (การสร้างประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้าและสมาชิก) – อีกหนึ่งเป้าหมายของเดอะ คอฟฟี่ คลับ ก็คือการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ให้กว้างมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าคนไทย ซึ่งในปัจจุบัน ทางแบรนด์มีสมาชิกราว 85,000 คน และตั้งเป้าให้จำนวนสมาชิกอยู่ที่ 100,000 คน ภายในสิ้นปี 2565 และแตะ 200,000 คนภายในปี 2566 ที่จะถึงนี้

โดยลูกค้าที่เป็นสมาชิก เดอะ คอฟฟี่ คลับ จะมีสิทธิพิเศษมากมาย สำหรับการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มของร้าน นอกจากนี้ ยังมีตุ๊กตาจิงโจ้ ‘น้องคอฟฟี่’ และตุ๊กตา ‘น้องหมีโคอาล่าคลับ’ รุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ที่เป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลียให้ได้สะสมเป็นเจ้าของเฉพาะเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม 2565 นี้เท่านั้น

นางนงชนกยังส่งท้ายด้วยว่า “อย่างไรก็ตามจากกลยุทธ์ เชื่อมั่นว่า เดอะ คอฟฟี่ คลับ จะส่งมอบประสบการณ์ในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างครอบคลุม ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรับประทานที่ร้านสั่งกลับบ้าน หรือเดลิเวอรี พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้าฐานกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติเติบโตในสัดส่วนจาก 60:40 เป็น 70:30 และคาดว่าภาพรวมตลอดปี 2565 จะมีการเติบโตมากกว่า 150% สะท้อนความเป็นไลฟ์ฮับร้านกาแฟออลเดย์ไดนิ่งที่มีอาหารเครื่องดื่มครบครันรองรับการบริโภคของทุกคนได้ในทุกวันทุกโอกาส”